20 กันยายน 2554

ทายใจจากช็อกโกแลต

 
         
           ^ ................ ^               
             




ช็อคโกแลตมิ้นต์


     เป็นคนที่มองไปข้างหน้าอยู่เสมอ ไม่ชอบเก็บเอาอดีตมาใส่ใจ ไม่มีกฏระเบียบอันใดที่จะหยุดคุณได้ยกเว้นคุณจะเป็นคนสร้างกฏนั้นเสียเอง เป็นคนชัดเจนและเปิดเผย ตรงไปตรงมา และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และพยายามมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ข้อเสีย บางครั้งก็มุ่งมั่นมากเกินไป ควรจะปล่อยวางบ้าง




ช็อคโกแลตนม

     เป็นคนโรแมนติก และแสนจะอบอุ่นคนหนึ่งเชียวล่ะ ตัดสินใจรวดเร็ว คุยสนุกและยิ่งไปกว่านั้นคุณชอบที่จะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอในยามที่พวกเขาต้องการ ข้อเสีย ด้วยความที่คุณมักจะเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจของคนอื่นๆ อยู่เสมอ อาจจะทำให้คนคิดว่าคุณชอบทำตัวเด่นเกินไป และในบางเวลาคุณควรหันมาใส่ใจตัวเองให้มาก ค่อยช่วยเหลือคนอื่น



ช็อคโกแลตสอดไส้

     เป็นสาว/หนุ่มสังคมตัวยง มีงานปาร์ตี้ที่ไหนคุณก็ไม่เคยพลาด คุณเป็นคนชอบให้มีคนอยู่รอบข้างเสมอ และที่สำคัญคุณเป็นคนใจบุญ ข้อเสีย คุณเบื่อง่าย และมักจะเห็นดีเห็นงามกับความคิดของคนอื่นแบบง่ายๆไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม

ช็อคโกแลตเวเฟอร์

    เป็นคนรักสนุก มีอารมณ์ขัน ช่างพูดช่างคุย ทำให้คนรอบข้างคุณมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ คุณมักจะชอบเล่าเรื่องตลก หรือมีกลเม็ดเด็ดพรายคอยทำให้คนอื่นหัวเราะอยู่เสมอ และใครที่ได้เป็นเพื่อนจะเป็นคนที่โชคดีมากเพราะคุณคือเพื่อนแท้แห่งชีวิตทีเดียว


ช็อคโกแลตขม

     เป็นคนไม่ชอบการรอคอยอะไรที่นานๆ และมักจะตกหลุมรักง่าย เป็นคนใจร้อน แต่ในขณะเดียวกันคุณก็เป็นคนช่างคิด ข้อเสีย เป็นคนที่ขาดความอดทน คุณเหมือนเป็นคนที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ตัวเองกลับไม่ได้อะไรเลย



16 กันยายน 2554

หุ่นดี 4 วิธีง่ายๆ

1. หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการมีหุ่นดี คุณไม่จำเป็นต้องไปเข้าคอร์สลดน้ำหนักตามศูนย์หรือคลินิกใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่คุณต้องมีความตั้งใจจริงที่จะทำให้คิดว่าการควบคุมอาหารเป็นการใช้ชีวิตตามปกติของคุณ พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
 2. พยายามไม่ทานอะไรอีกหลัง 14.00 น. หรืออย่างช้าที่สุด 18.00 น. นั่นคือถ้าคุณต้องทานอาหารเย็น จะต้องทานให้เสร็จก่อน 18.00 น.แล้วหลังจากนั้นห้ามทานอะไรอีก นอจากน้ำเปล่า
 3.อย่าระบายความโกรธหรือความหงุดหงิดของคุณไปกับของขบเคี้ยว เพราะจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
 4.ตั้งปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ทานช็อกโกแลตและไอศกรีมตลอดทั้งสัปดาห์ และพยายามทำให้ได้ อย่าเผลอเด็ดขาด เพราะขนมที่หวานและเย็นอย่างไอศกรีมจะทำให้ทานได้เยอะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทานเมื่อคุณหิวเท่านั้น ไม่ใช่ทานเพื่อตอบสนองความอยาก

15 กันยายน 2554

เกาะเกร็ด

เกาะเกร็ดเกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดลำน้ำเจ้าพระยา ตรงที่มีแหลมยื่นไปตามความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2265 เรียกคลองนี้ว่า คลองลัดเกร็ดน้อย (คลองลัดเกร็ดใหญ่ อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ขนาดกว้าง 6 วา ยาว 39 เส้นเศษ ลึก 6 ศอก ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางทำให้คลองขยายกว้างขึ้น เพราะถูกความแรงของกระแสน้ำเซาะตลิ่งพังจึงกลายเป็นแม่น้ำลัดเกร็ด และกัดเซาะจนมีสภาพเป็นเกาะเช่นทุกวันนี้

เมื่อลำคลองกว้างขึ้น สภาพความเป็นเกาะเด่นชัดขึ้น จึงเกิดเกาะ แต่ชื่อที่เรียกกันนั้นชั้นแรกนั้นเรียกว่า เกาะศาลากุน ชื่อนี้ปรากฏอยู่ในโฉนดที่ดินที่ออกในสมัยรัชกาลที่ 5 เกาะศาลากุนนี้เรียกตามชื่อวัดศาลากุน สันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่ได้มาจากผู้สร้างถวายชื่อ เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน) ที่สมุหนายกรับราชการ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินมหาราชจนถึงสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้ว เกาะศาลากุนจึงได้มีฐานะเป็นตำบลและเรียกว่า ตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงชื่อว่า เกาะเกร็ด จนถึงปัจจุบัน

สถานที่น่าสนใจในเกาะเกร็ด

วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร

วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร เป็นวัดอารามหลวงชั้นโท เดิมชื่อ วัดปากอ่าว เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ถูกทิ้งเป็นวัดร้างหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 จนถึง พ.ศ. 2317 พระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ชาวมอญมาตั้งบ้านเรือนที่เกาะเกร็ด พระสุเมธาจารย์ (เถ้า) พระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายรามัญได้รวบรวมผู้มีจิตศรัทธาสร้างขึ้น ได้สร้างพระเจดีย์ทรงรามัญ ชื่อเจดีย์ร่างกุ้ง รวมทั้งพระพุทธไสยาสน์ และท่านได้เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดนี้

พ.ศ. 2417 วันเสาร์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระกฐิน ณ วัดปากอ่าวและวัดใกล้เคียง ได้เสด็จทอดพระเนตรบริเวณวัดซึ่งเสนาสนะต่างปรักหักพังทรุดโทรม ทรงคำนึงถึงพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูร ซึ่งอภิบาลบำรุงพระองค์มาแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงมีรับสั่งอยู่เนืองๆ ว่าถ้าทรงพระเจริญขึ้นแล้วขอให้ทรงช่วยให้ได้สร้างพระอารามหนึ่ง จึงทรงกำหนดจะปฏิสังขรณ์วัดปากอ่าว และทรงมีพระราชดำรัสต่อพระคุณวงศ์ (สน) เจ้าอาวาสให้ทราบพระราชประสงค์ และทรงนำพระราชดำริกราบทูลแด่พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูร ซึ่งทรงพระปิติปราโมทย์เมื่อได้ทรงทราบเช่นนั้น

การปฏิสังขรณ์วัดปากอ่าว มีพระยาอัศนีศาภัยจางวาง กรมพระแสงปืนต้นเป็นแม่กองปฏิสังขรณ์ เริ่มทำกุฏิสงฆ์และหอไตรแบบมอญ เมื่อวันอาทิตย์ขึ้น 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ พ.ศ. 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาก่อฤกษ์พระอุโบสถใหม่ โดยมีพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร (ต้นราชสกุลกฤดากร) เป็นนายกอง พระราชสงคราม (ทัด) เป็นช่างทำพระอารามที่สร้างใหม่ทั้งหมด คงรูปแบบมอญไว้ เนื่องจากเป็นวัดมอญ ทรงโปรดให้สร้างพระไตรปิฎก เป็นภาษามอญ ให้พระยาศรีสุนทรโวหารเจ้ากรมพระยาลักษณ์จารึกเรื่องทรงพระอารามนี้ลงในเสาศิลาเป็นอักษรไทยเสาหนึ่ง และพระสุเมธาจารย์แปลเป็นภาษามอญ และทรงโปรดให้จารึกเป็นภาษามอญอีกเสาหนึ่ง จารึกทั้งอักษรไทยและอักษรมอญอยู่ที่หน้าพระอุโบสถ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระอารามนี้ใหม่ว่า วัดปรมัยยิกาวาส


ศิลปกรรมวัดปรมัยยิกาวาส


พระอุโบสถ พระอุโบสถวัดปรมัยยิกาวาส อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีขนาดยาว 9 วา 3 ศอก กว้าง 5 ศอก 7 ห้อง เฉลียงปูศิลาขาว ศิลาดำ ลาดพระอุโบสถปูศิลารอบพระอุโบสถ มีรั้วเหล็ก บานประตูเหล็ก ซึ่งเป็นเหล็กชั้นดีที่สั่งจากยุโรปในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลวดลายสวยงาม ซุ้มเสมาใหญ่ ฐานกว้าง 2 วา 4 เหลี่ยม อยู่ในมุมทั้ง 4 ทิศ ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้าพระวิช ในพระเจ้าราชวงศ์เธอกรมขุนราชศีหวิกรม เป็นภาพแสดงเรื่องธุดงวัตร 13 และพุทธประวัติโดยเฉพาะ พระพุทธกิจหลังการตรัสรู้ (พระพุทธจรรยา) เป็นพระวินัยของพระสงฆ์เกี่ยวกับผ้าจีวร 2 บท เกี่ยวกับภัตตาหาร 5 บท เสนาสนะ 5 บท และเกี่ยวกับความเพียร 1 บท ตกแต่งภายในด้วยลายปูนปั้นแบบตะวันตก จึงมีลักษณะของศิลปะตะวันออกผสมกลมกลืนกับตะวันตกอย่างงดงาม

ด้านหน้าพระอุโบสถมีคำจารึกหินอ่อนทั้งด้านขวาและด้านซ้ายของประตูพระอุโบสถ เป็นคำโคลงสี่สุภาพกล่าวถึงประวัติการบูรณะพระอารามวัดปากอ่าวเดิมจนแล้วเสร็จ แล้วพระราชทานนามวัดว่า วัดปรมัยยิกาวาส หน้าบันพระอุโบสถประดับตราพระเกี้ยว

ศาลารับเสด็จ

ศาลารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดปรมัยยิกาวาสเพื่อสนองพระเดชพระคุณพระบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูร ผู้ทรงอภิบาลสมเด็จพระเทพศิรินทรพระบรมราชชนนีและพระองค์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์

การปฏิสังขรณ์เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2417 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2427 พระราชทานนามพระอารามแห่งนี้ว่า วัดปรมัยยิกาวาส พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ทรงมีพระบรมราชโองการให้สร้างศาลาหน้าพระอุโบสถ สำหรับเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขณะทรงดำรงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดนนทบุรี เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2489 ทรงประทับเยี่ยมราษฎรชาวไทยและชาวรามัญที่อาศัยที่อำเภอปากเกร็ด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราษฎรเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงประทับทอดพระเนตรการแสดงศิลปวัฒนธรรมชาวมอญอย่างสนพระทัยอย่างยิ่ง ณ ศาลารับเสด็จนี้ จากนั้นทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการทำเครื่องปั้นดินเผาของชาวเกาะเกร็ดด้วย

ตลาด 100 ปี สามชุก


ตลาด 100 ปี สามชุก นับเป็นตลาดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ที่ยังมีภาพบรรยากาศของบ้านเรือน รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตให้เราได้ชม ในยุคสมัยที่ตลาดสามชุกเฟื่องฟู ชาวบ้านก็จะนำของพื้นเมือง มาแลกเปลี่ยนซื้อขายให้กับพ่อค้าชาวเรือ ต่อมาเมื่อบริเวณริมแม่น้ำสุพรรณบุรี มีการทำนากันมากขึ้น ตลาดสามชุกจึงกลายเป็นตลาดข้าวที่สำคัญ มีโรงสีไฟเกิดขึ้นหลายแห่ง การค้าขายเริ่มคึกคัก และมีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในแต่ละปี มีการเก็บภาษีได้เป็นจำนวนมาก และมีนายอากรคนแรก ชื่อ ขุนจำนง จีนารักษ์ภายหลังจากที่มีการตัดถนนผ่านสามชุก ส่งผลให้ตลาดสามชุกเริ่มซบเซาลง แต่ด้วยวิถีชีวิตของชุมชนตลาดสามชุก ที่ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเวลาจะผ่านมานับร้อยปี ชาวตลาดสามชุกจึงได้ร่วมกันปรับปรุง ฟื้นฟู สถาปัตยกรรมไม้ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชน วันนี้ตลาดสามชุก จึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และมีสิ่งน่าสนใจที่มีเสน่ห์อยู่มากมาย



บ้านขุนจำนง จีนารักษ์ นายภาษีอากรคนแรก และเจ้าของตลาดสามชุก ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ของชุมชน บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2459 เป็นบ้านไม้ขนาด 3 ชั้น มีการสร้างอย่างประณีตงดงาม แกะสลักไม้ด้วยลวดลายที่อ่อนช้อย ภายในมีรูปภาพเก่าๆ ที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของชุมชนสามชุก รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน เมื่อครั้งยังมีชีวิตให้ชมอีกด้วย

ร้านค้าหลายร้านในตลาดสามชุก ยังคงเอกลักษณ์บ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้ แม้จะเก่าแก่นับร้อยปี แต่ก็เป็นความเก่าที่ดูไม่น่าเบื่อ เช่น ร้านศิลป์ธรรมชาติ เป็นร้านถ่ายรูปโบราณ ที่มีกล้องถ่ายภาพอายุกว่าร้อยปี นอกจากนี้ ยังมีร้านทำฟัน ร้านนาฬิกา ร้านขายทอง โรงแรมไม้ ฯลฯ ที่มีความเก่าแก่ไม่แพ้กัน

ส่วนของกินที่มีอยู่มากมาย เดินไปมุมไหนก็อดไม่ได้ ที่ต้องเข้าไปลิ้มรสนั้น เช่น เจ็กอ้าวบะหมี่เกี๊ยว ที่ทำเส้นบะหมี่เอง รวมถึงเครื่องปรุงต่างๆ ที่เปิดขายมานานกว่า 70 ปี แต่รสชาตินั้น คนสามชุกบอกว่าอร่อยไม่เคยเปลี่ยน  
     

หรือหากใครที่ชอบกินข้าว แนะนำว่าอย่าพลาด ร้านหรั่ง ศรีโรจน์ เพราะมีข้าวห่อใบบัวสูตรดั้งเดิม ที่หอมกรุ่น กินกับก๋วยเตี๋ยวยำบก ที่ครบเครื่องราดด้วยน้ำยำ ที่รสชาติเปรี้ยวปากอย่าบอกใคร


และถ้าเป็นคอกาแฟล่ะก็ ร้านกาแฟท่าเรือส่ง ชงจากฝีมือป้าชั่ง ที่ขายมาตั้งแต่ป้ายังเป็นสาว จนปัจจุบันอายุประมาณ 70 ปีแล้ว แต่ฝีมือการชงยังเข้ม หวาน มัน หอมกลิ่นกาแฟ ที่ทางร้านคั่วและบดเอง คาปูชิโนหรือเอสเปรสโซ่ก็สู้ไม่ได้      

ร้านขายยาเก่าแก่ ที่ยังใช้เครื่องบดยาและเครื่องหั่นยาแบบโบราณอยู่ โรงแรมอุดมโชค โรงแรมเก่าที่ยังเปิดให้บรอการอยู่ น้ำพริแม่กิมลั้ง ของฝากตลาดสามชุก ขนมไข่สูตรโบราณเจ้าอร่อย
ไม่เพียงสามร้านที่กล่าวมาว่าต้องไปชิม หากมาถึงตลาดสามชุก ยังมีร้านอาหารคาวหวาน ที่ทำให้คุณไม่อยากอิ่ม หากได้ชิมอีกมากมาย รวมไปถึงชาวชุมชนตลาดสามชุก ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมในต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาชมตลาด จนทำให้คุณไม่อยากกลับเลยก็เป็นได้ ....




ที่ตั้ง : 73 หมู่ 2 ตำบลสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี  

การเดินทาง สู่ตลาดสามชุก จากกรุงเทพฯ ผ่าน อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ไปจนถึงตัว จังหวัดสุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 107 กม. จากนั้นไปตามหลวงหมายเลข 340 แยกเข้า อำเภอสามชุก ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ ติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.
คณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์
โทร. 035-572-449 ,035-504-498, 01-640-3327

8 กันยายน 2554


เหตุผลดีๆ ที่ควรยิ้ม ^^



              เมื่อเปรียบเทียบการยิ้มกับการแสดงสีหน้าแบบอื่น เช่น โกรธ เศร้า เคร่งขรึม วิตกกังวล ฯลฯ แล้ว จะพบว่าการยิ้มใช้กล้ามเนื้อใบหน้าน้อยกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่นมาก การยิ้มจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และทำให้ใบหน้าดูดีกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่น ๆ ด้วย

        - เพื่อให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของคุณได้ทำงานซะบ้าง
        - ถ้าคุณยิ้มให้เขา มีหรือเข้าจะไม่ยิ้มตอบคุณ
        - อย่างน้อยคุณจะได้ให้เขาช่วยเตือนว่ามีเศษผักสีเขียวมรกต ยังคง สนุกสนานในปากคุณ
        - การยิ้มเป็นการเริ่มต้นแห่งมิตรภาพที่ดีที่สุด
        - ถ้าคุณไม่ยอมยิ้ม แล้วใครจะได้เห็นล่ะว่า คุณมีลักยิ้มที่น่ารักที่สุด
        - เมื่อคุณทำผิดแล้วโดนจับได้ การแก้ตัวก็มีแต่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่การยิ้มเจื่อน ๆ แบบว่า       แย่จัง!! คุณจะดูเหมือน พวกที่สำนึกผิด แล้วใครล่ะ จะกล้าโกรธคุณลง
        - ยิ้มสวย ๆ จะทำให้คนหน้าตาธรรมดา ๆ ดูดีขึ้นจนน่าประหลาดใจ
        - การยิ้มในวันที่อ่อนล้าหรือเซ็งสุด ๆ ในชีวิต จะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกดีขึ้น
        - ถ้าคุณพูดไม่เก่ง ลีลาไม่เด็ด ให้ยิ้มมาก ๆ เป็นการชดเชย
        - รอยยิ้มเป็นสัญญาณบอกใคร ๆ ว่าคุณพร้อมจะเปิดใจแล้ว
        - ยิ้มดี ๆ เพียงครั้งเดียวดีกว่าคำพูดนับแสนคำ


                                   
   ยิ้มเกิดขึ้นได้อย่างไร

          รอยยิ้ม เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ 2 มัดใหญ่ คือ ไซโกเมติก เมเจอร์ ( Zygomatic major) ที่จะช่วยดึงมุมปากให้ยกขึ้นไปหาโหนกแก้ม และออร์บิคิวลาริส ออคิวไล (Orbicularis Oculi ) ที่จะช่วยดึงเนื้อแก้มและเบ้าตาให้ยกขึ้น


    ยิ้มมีผลต่อร่างกายอย่างไร            
   
            เมื่อกล้ามเนื้อใบหน้าเคลื่อนไหวจนเกิดเป็นรอยยิ้ม จะส่งผลทำให้โลหิตแดงที่ไปเลี้ยงสมองมีอุณหภูมิลดลง จะทำให้เกิดความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ซึ่งจะตรงข้ามกับการทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าจะทำให้สมองมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเกิดความรู้สึกไม่สบาย นอกจากนี้ ในขณะที่คนเรายิ้ม หัวใจจะเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะผ่อนคลาย ต่อมหมวกไตจะทำงานน้อยลง ฮอร์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดจะถูกขับออกมาน้อยลงด้วย การยิ้มจึงช่วยลดความเครียดได้


    การยิ้มมีความสัมพันธ์กับความสุขอย่างไร
              คนเรามีความสุขแล้วจึงยิ้ม หรือยิ้มก่อนแล้วจึงมีความสุข ทำให้นักวิชาการต้องทำการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ให้ถ่องแท้ลงไป และผลที่ได้ก็พบว่าเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง นั่นคือ เมื่อคนเรารู้สึกมีความสุข เราจะแสดงออกทางสีหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ชอบเก็บกดอารมณ์ของตน เวลามีความสุขก็ยังพยามบังคับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึม ซึ่งต้องใช้กล้ามเนื้อใบหน้ามากกว่า เสียพลังงานมากกว่า และทำให้ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างเต็มที่ในทางตรงข้าม แม้คนเราจะยังไม่รู้สึกมีความสุข แต่เมื่อยิ้มแล้วสักพัก จะรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นและมีความสุขได้เช่นกัน




เทรนด์ผมหลากสไตล์สำหรับสาวทันสมัย

 ในช่วงเวลาที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก และไหนจะลมที่คอยพัดพาให้ผมยุ่งเหยิง ยิ่งคุณเป็นสาวผมยาวยิ่งเป็นปัญหาใช่มั้ยละคะ เพราะฉะนั้นจะออกจากบ้านแต่ละที ก็ต้องเตรียมรับมือกันไว้ก่อน ถ้าคุณยังไม่มีไอเดีย เก๋ๆ สำหรับหน้าฝนนี้ ลองมาดูทรงผมที่เรานำมาอัพเดทกันได้เลยค่ะ


                                                               รวบหางม้า       

      สวยซ่าส์ก๋ากั่นท้าลมฝนด้วยการเลือกทรงรวบหางม้าเป็นคำตอบที่ดีที่สุดค่ะ เพราะการรวบหางม้าจะไม่ทำให้ผมของคุณพันกันยุ่งเหยิง แถมยังดูสวยปราดเปรี้ยวพร้อมลุยทุกสถานการณ์ ไม่ว่าลมจะพัด ฟ้าจะร้อง หรือฝนจะเทกระหน่ำลงมาก็ตาม ทรงผมของคุณก็ยังดูดีได้เหมือนเดิม       

    How to : ขั้นตอนง่าย ๆ นั้น เริ่มจากการใช้หวีปาดรวบผมไปไว้ด้านหลัง แล้วหาหนังยางมารวบสูงให้อยู่ในระดับกึ่งกลางกระหม่อมด้านหลังแล้วแบ่งปอยผมช่อเล็ก ๆ ออกมาช่อ เพื่อพันทับรอยหนังยางให้ดูเนียนเป็นธรรมชาติ หรือจะหาที่มัดผมตามสไตล์คุณมาช่วยเสริมให้ลุคเด่นชัด อย่างเช่นที่มัดผมประดับดอกไม้สำหรับสาวหวาน หรือจะเป็นเชือกสานที่นำมามัดผมก็ทำให้ดูเป็นสาวโบฮีเมียน เปลี่ยนสไตล์กันง่าย ๆ ได้หลากหลายไม่แพ้ทรงอื่นเลยค่ะ



                                                          ทัดหูเปิดใบหน้า

         พร้อมสวยด้วยทรงผมง่าย ๆ เสริมความเปล่งปลั่งให้กับใบหน้าด้วยการทัดหูโชว์รูปหน้าเรียวงาม ยิ่งเป็นฤดูกาลนี้ที่ละอองฝนมักทำให้ผมของคุณชี้ฟูไม่เป็นท่า ทำให้สาว ๆ ยิ่งเป็นกังวลกับทรงผมที่ยุ่งเหยิงไม่งามตา ขอแนะนำว่าควรสร้างวอลลุ่มให้ทรงผมดูมีน้ำหนักแล้วทัดหูด้านข้าง ดูดีเป็นธรรมชาติ เหมาะกับวันสบาย ๆ ในหน้าฝนเป็นที่สุด

          How to : หลังจากสระผมเรียบร้อยแล้วต้องเช็ดให้แห้งทุกครั้งเพราะความชื้นที่กระจายตัวอยู่ในอากาศจะทำให้ผมคุณอับชื้นได้ง่าย ดังนั้นต้องใช้ไดร์เป่าให้แห้งสนิท และลูบไล้ด้วยออยล์ทำให้ผมไม่พ้นกัน ควรเป่าผมให้แห้งสนิทไปพร้อมกับการไดร์ผมให้เรียบเส้นกันสวยงาม เสร็จแล้วปรับให้ทรงผมของคุณดูดีด้วยดีเทลเล็กๆ อย่างการทัดหู เปิดใบหน้าด้านข้างทั้งซ้ายและขวา หรือจะเปลี่ยนให้หวานยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการปาดผมไปด้านข้าง แล้วทัดหูก็ดูน่ารักไม่เบานะคะ



  หั่นผมสั้น

          ถ้าอยากเป็นสาวมั่นเปรี้ยวปรี๊ด ต้องเป็นทรงผมสั้นเลนค่ะ แล้วเพิ่มดีกรีความแรงด้วยการทำสีไฮไลท์เข้าไปด้วยยิ่งทำให้ลุคของคุณมีลูกเล่นเก๋ ๆ นอกจากผมซอยสั้นจะเปลี่ยนสาวเชยเฉิ่มให้เป็นสาวมั่นได้แล้ว ยังเป็นทรงผมที่ดูแลง่ายอีกด้วย เหมาะมากสำหรับหน้าฝนนี้ เพราะไม่ต้องบำรุงอะไรมาก หลังจากสระก็แห้งเร็วทันใจ หายห่วงไปเลยค่ะกับวิธีการเซทผมที่ยุ่งยาก เท่านี้คุณก็สวยเลิศท้าลมฝนได้แล้วค่ะ

          How to : ผมสั้นทันใจได้ง่ายๆ เพียงคุณเดินเข้าไปที่ร้านทำผม แล้วเลือกสไตล์ให้เหมาะกับบุคลิกและโครงหน้าของตัวคุณเอง แนะนำให้เลือกช่างทำผมที่มีความชำนาญด้วยนะ สำหรับทรงผมบ๊อบเทรนด์ซีซั่นนี้มาแรงแทบทุกแบบ จึงสามารถเลือกได้ฟรีสไตล์เลยค่ะ เพียงแค่ตัดสั้น แค่นี้ก็ไม่เอ้าท์แล้วล่ะ

 

                                        ........................................................................
เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยแอปเปิ้ล

 


  แอปเปิ้ลที่ทานกันเป็นประจำ สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้....

     แอปเปิ้ลที่ทานกันบ่อย ๆ นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยหวานกรอบแล้วนั้น ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นสู่ผิว ทำให้ผิวแลดูสดใสขึ้น เหมาะกับผิวหน้าที่กร้านแดดกร้านลม 
     วิธีทำ คือ นำแอปเปิ้ลมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแอปเปิ้ลออก แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอประมาณ แล้วนำไปปั่นในเครื่องปั่นพร้อมผสมนมสดแช่เย็นลงไปเล็กน้อย ปั่นส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากัน แล้วนำส่วนผสมนี้มาพอกหน้าแล้วนวดคลึงเพียงเบา ๆ ประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นจึงใช้นมสดเย็น ๆ ล้างผิวหน้า และตามด้วยการล้างหน้าตามปกติ 



       ถ้าอยากมีผิวหน้าชุ่มชื้น ลองนำแอปเปิ้ลมาพอกหน้ากันดูได้